บทความนี้มีประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยร่วมกันอย่างมีความสุขผู้เขียนได้อ่านเจอจึงนำมาเผยแพร่ให้เพื่อน
สมาชิกหมู่บ้านฮาบิเทียบางใหญ่ได้อ่านบ้างเพราะมีหลายๆข้อที่มีปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วในหมู่บ้านของเรา
ซึ่งมีทั้งแนวทางแก้ไขจนถึงขั้นฟ้องร้องกันเป็นเรื่องใหญ่โต แต่หากทุกๆคนหันมายอมรับปรับปรุงแก้ไขกันโดยสันติวิธี หมู่บ้านเราก็จะมีเพื่อนบ้านที่น่ารักผลก็คือทุกคนมีความสุขเพราะบ้านคือวิมานของเรา..
บ่อยครั้งมีเรื่องขัดแย้งกับเพื่อนบ้านตั้งแต่เรื่องเล็กๆ
หงุดหงิด กวนใจ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ถึงขั้นฟ้องร้องกัน TerraBkk จึงรวบรวม
6 ข้อพิพาท ที่กฎหมายช่วยคลายปม ดังนี้
1. ต้นไม้ เมื่อรุกล้ำเขตแดนกรรมสิทธิ์คนอื่น
เจ้าของต้องตัดทิ้ง แต่หากส่วนของรากรุกล้ำ
เกิดปัญหาต่อโครงสร้างผู้ได้รับความเสียหายมีสิทธิเข้าตัดฟันต้นไม้ได้เลย
และดอกผลที่ยื่นไปในแดนกรรมสิทธิ์ของคนอื่น
ที่ยังไม่ร่วงหล่นถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของต้นไม้
2. วิว
บางท้องถิ่นซึ่งมีวิวทะเลหรือป่าเขาที่เป็นธรรมชาติ
กฎหมายมักจะระบุห้ามปลูกต้นไม้สูงหรือสร้างสิ่งก่อสร้าง ซึ่งบังวิวของเพื่อนบ้าน
กฎหมายอาจจะระบุให้สิทธิแก่เจ้าของบ้านที่ถูกบังวิวให้สามารถยื่นฟ้องร้องเพื่อรักษาสิทธิชมวิวของตนได้
3. เสียง คือ เหตุรำคาญ การกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น
แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือนฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า
หรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
สามารถแจ้งเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้
4. น้ำฝนจากหลังคาบ้านของเพื่อนบ้าน
สามารถร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนและฟ้องร้องให้มีการรื้อถอนได้
5. สัตว์เลี้ยง
ก่อความรำคาญ มีสิทธิเรียกร้องเอาสินไหมทดแทนจากเจ้าของสัตว์ หรือคนรับเลี้ยงได้
6.
การจอดรถขวางหน้าบ้าน
ถือว่าเป็นกระทำความผิดฐานก่อความเดือดร้อนรำคาญใจตามมาตรา 397
หมวดลหุโทษ ต้นไม้ ต้นไม้อย่างไรไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ที่ดินตนเองและผู้อื่นย่อมถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน
กฎหมายจึงได้มีบทบัญญัติครอบคลุมถึงปัญหาเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ไว้ด้วย กล่าวคือ
การปลูกต้นไม้หรือไม้ยืนต้นในริมเขตแดนแห่งกรรมสิทธิ์อาจเกิดปัญหาการรุกล้ำเขตแดน
เช่น กิ่งก้านใบ ดอกผล ราก เป็นต้น
การรุกล้ำของต้นไม้ดังกล่าวมีประเด็นเงื่อนแง่ในด้านกฎหมายดังนี้
1. ส่วนของกิ่งก้านใบหรือผลยื่นล่วงล้ำไปในที่ดินของผู้อื่น
การปลูกต้นไม้ใกล้ชิดแนวเขตโดยไม่คำนึงถึงประเภทของต้นไม้นั้นว่าตามธรรมชาติและพันธุ์ไม้นั้นจะเติบโตได้เพียงไร
เมื่อเกิดการยื่นรุกล้ำไปแล้วกฎหมายกำหนดให้ผู้ได้รับความเสียหายต้องแจ้งให้เจ้าของต้นไม้ตัดฟันไม่ให้เกิดการล่วงล้ำเสียก่อน
หากไม่ตัดฟันต้นไม้ตามที่แจ้งจึงจะมีอำนาจเข้าตัดฟันต้นไม้และเรียกค่าเสียหายได้
กรณีเข้าไปตัดฟันเองโดยไม่แจ้งให้เจ้าของต้นไม้ทราบก่อนอาจมีความผิดตามกฎหมายอาญาข้อหาทำให้เสียทรัพย์
และข้อหาบุกรุก
2. ส่วนของรากรุกล้ำ
เกิดปัญหาเกี่ยวกับการทำลายโครงสร้าง เช่น ทำให้กำแพงพัง รากฐานบ้านพัง เป็นต้น
กฎหมายกำหนดให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายมีสิทธิเข้าตัดฟันต้นไม้ได้เลย
แต่อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับคดีอาญาข้อหาทำให้เสียทรัพย์
และข้อหาบุกรุก ให้ยุ่งยากในทางปฏิบัติจึงควรบอกกล่าวให้เจ้าของต้นไม้ทราบก่อนด้วย
3. ส่วนของดอกหรือผลต้นไม้
ถือเป็นดอกผลและผลประโยชน์ที่ผู้ปลูกต้องการแต่เนื่องด้วยต้นไม้ปลูกริมแนวเขตทำให้ดอกหรือผลต้นไม้ออกผลยื่นไปในแดนกรรมสิทธิ์ของคนอื่น
ดังนั้นจึงมีประเด็นต้องพิจารณาต่อไปว่าดอกหรือผลดังกล่าวเป็นของใคร
เจ้าของต้นไม้ก็ยืนยันว่าเป็นของตนเองเพราะทำการปลูกไว้
ส่วนเจ้าของที่ดินที่เสียหายก็อ้างว่าดอกหรือผลอยู่ในเขตที่ดินของตนจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง
โดยในประเด็นของดอกผลมีสิ่งที่ต้องควรพึงระวัง ดังนี้
3.1
หากดอกหรือผลไม้ในส่วนที่ยื่นรุกล้ำไปในแนวเขตของผู้อื่นนั้นยังไม่หลุดจากขั้วต้นไม้ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของต้นไม้
เพราะเป็นดอกผลอันเกิดจากต้นไม้นั้นโดยตรง
หากมีการเด็ดไปจากต้นผู้เอาไปมีความผิดอาญาข้อหาลักทรัพย์
3.2
หากดอกหรือผลไม้ในส่วนที่ยื่นรุกล้ำมีการร่วงหล่นไปในที่ดินของผู้อื่นแล้ว
การเอาไปไม่ผิดข้อหาลักทรัพย์
จึงมีนักกฎหมายบางคนหัวหมอบอกว่าต้องทำให้หล่นก่อนจะได้ไม่ผิด
แต่ความจริงการทำให้หล่นก็อาจผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และพยายามลักทรัพย์ได้เช่นเดียวกัน
วิว ถ้าเพื่อนบ้านทำการต่อเติมบ้าน หรือปลูกต้นไม้ใหม่บังวิว โดยปกติคนเราไม่มีสิทธิในแสงแดด
อากาศ และวิว ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งธรรมชาติที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
ยกเว้นเฉพาะกรณีที่เพื่อนบ้านเจตนาทำสิ่งก่อสร้างขึ้นเพื่อแกล้งบังวิว
หรือในกรณีที่กฎหมายท้องถิ่นระบุห้ามสร้างสิ่งก่อสร้าง
ซึ่งเป็นการบังวิวของคนส่วนใหญ่ บางท้องถิ่นซึ่งมีวิวทะเลหรือป่าเขาที่เป็นธรรมชาติ
กฎหมายมักจะระบุห้ามปลูกต้นไม้สูงหรือสร้างสิ่งก่อสร้าง ซึ่งบังวิวของเพื่อนบ้าน
กฎหมายอาจจะระบุให้สิทธิแก่เจ้าของบ้านที่ถูกบังวิวให้สามารถยื่นฟ้องร้องเพื่อรักษาสิทธิชมวิวของตนได้
เสียง พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดการ
ป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษที่เกี่ยวกับเหตุรำคาญด้านพิษทางเสียง ดังนี้ มาตรา 25
ในกรณีที่มีเหตุอันอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อน
แก่ผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง หรือผู้ที่ต้องประสบกับเหตุนั้น ดังต่อไปนี้
ให้ถือว่าเป็นเหตุรำคาญ
(4) การกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น
แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือนฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า
หรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
มาตรา 26
ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจห้ามผู้ใดผู้หนึ่งมิให้ก่อเหตุรำคาญ ในที่ หรือทางสาธารณะหรือสถานที่เอกชนรวมทั้งการระงับเหตุรำคาญด้วย
ตลอดทั้งการดูแล ปรับปรุง บำรุงรักษา บรรดาถนน ทางบก ทางน้ำรางระบายน้ำ คู คลอง
และสถานที่ต่างๆ ในเขตของตนให้ปราศจากเหตุรำคาญในการนี้
ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือเพื่อระงับ กำจัด และควบคุมเหตุรำคาญต่างๆ
ได้
มาตรา 27
ในกรณีที่มีเหตุรำคาญเกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นในที่หรือทางสาธารณะ
ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจ ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้บุคคล ซึ่งเป็นต้นเหตุ
หรือเกี่ยวข้องกับการก่อ หรืออาจก่อให้เกิดเหตุรำคาญนั้น ระงับ
หรือป้องกันเหตุรำคาญภายในเวลาอันสมควร ตามที่ระบุไว้ในคำสั่ง
และถ้าเห็นสมควรจะให้กระทำโดยวิธีใดเพื่อระงับหรือป้องกันเหตุรำคาญนั้น
หรือสมควรกำหนดวิธีการเพื่อป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้อีกในอนาคต
ให้ระบุไว้ในคำสั่งในกรณีที่ปรากฎแก่เจ้าพนักงานท้องถิ่นว่าไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น
และเหตุรำคาญที่เกิดขึ้นอาจเกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ
ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นระงับเหตุนั้นและอาจจัดการตามความจำเป็นเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุรำคาญนั้นขึ้นอีก
โดยบุคคลซึ่งเป็นต้นเหตุหรือเกี่ยวข้องกับการก่อหรืออาจก่อให้เกิดเหตุรำคาญต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดการนั้น
มาตรา 74
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามมาตรา 27
วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 28วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม
โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร
หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา 27
วรรคสอง หรือมาตรา 28 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1
เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมวลกฎหมายอาญา มีบทบัญญัติเกี่ยวกับกำกำหนดโทษผู้ก่อให้เกิดเสียง ดังนี้ มาตรา 370
ผู้ใดส่งเสียงหรือทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันควรจนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน
ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100 บาท
มาตรา 372
การทะเลาะกันอื้ออึงในทางสาธารณะ
หรือสาธารณสถานก็อาจทำให้ผู้ทะเลาะเบาะแว้งส่งเสียงดังอื้ออึง มีโทษปรับไม่เกิน 500
บาท
มาตรา 376 ผู้ใดยิงปืนหรือใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง
หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10
วัน หรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เสียงดังที่มาจาก
งานเลี้ยงดื่มสุรา เมาแล้วโวยวายเป็นประจำ
ตามกฎหมายแล้วถือเป็นความผิดทางอาญาลหุโทษ ฐานส่งเสียง หรือทำให้เกิดเสียง
เพื่อนบ้านมีสิทธิฟ้องร้องได้ ถ้าหมาของเพื่อนบ้านเห่าไม่หยุด
ให้ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ดูแลสัตว์ (animal control
authorities) ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้
สุดท้ายสามารถยื่นฟ้องร้องเพื่อนบ้านเพื่อขออำนาจศาลสั่งแก้ปัญหาได้
น้ำฝนจากหลังคาบ้านของเพื่อนบ้านไหลตกลงมาในบริเวณพื้นที่บ้านของเรา
กฎหมายถือเป็นการละเมิดสิทธิแบบหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนและฟ้องร้องให้มีการรื้อถอนได้
สัตว์เลี้ยงเพื่อนบ้านก่อความรำคาญ เช่น สุนัขหรือแมวเข้ามากัด
เข้ามาทำลายสิ่งของในบ้าน ปัญหาการถ่ายอุจจาระ เข้ามาคุ้ยขยะ
ทำความสกปรกให้เกิดขึ้น กฎหมายวางหลักเกณฑ์ไว้ว่า
ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของสัตว์ดังกล่าว
มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าของสัตว์นั้น
หรือจากบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของ ทั้งนี้
ผู้ได้รับความเสียหายจะทำร้ายสัตว์หรือฆ่าสัตว์เพื่อเป็นการแก้แค้นไม่ได้
เพราะอาจมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์และอาจถูกฟ้องร้องฐานละเมิดอีกด้วย
การจอดรถขวางหน้าบ้าน การจอดรถขวางประตูบ้านของผู้อื่น
เป็นการกระทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนรำคาญ เพราะไม่สามารถนำรถเข้าหรือออกจากบ้าน
จะมาอ้างว่าถนนหน้าบ้านเป็นที่สาธารณะนั้นทำไม่ได้
เนื่องจากหากเจ้าของรถใช้สิทธิไปก่อความเดือดร้อนของผู้อื่นทั้งที่รู้แก่ใจถึงความเสียหาย
จะถือว่า กระทำความผิดฐานก่อความเดือดร้อนรำคาญใจตามมาตรา 397
หมวดลหุโทษ
ทั้งนี้ เมื่อเป็นความผิดกฎหมายอาญาแล้ว
ตำรวจจะปัดไม่รับแจ้งความร้องทุกข์ไม่ได้ ถ้าปฏิเสธ
อาจมีโทษฐานละเว้นหน้าที่โดยทุจริต
เพราะความผิดฐานนี้ไม่จำเป็นต้องมีความเสียหายเกิดขึ้น
แค่เกิดพฤติกรรมที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนรำคาญใจ ก็เป็นความผิดอาญาฐานนี้แล้ว
บทความนี้นำมาเผยแพร่ซึ่งสามารถอ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : TerraBKK.com
- http://terrabkk.com/?p=22211